ปลายปี + กับความอัดอั้นทางเศรษฐกิจ บางท่าน รายได้ลดลง งานที่ต้องทำเยอะขึ้น ที่สำคัญ ไม่มีเวลาทำเว็บไซต์เลย เราจะทำอย่างไรดี

เมื่อต้องทำงานมากขึ้น เวลาก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา แล้วที่หนักไปกว่านั้นคือ ถ้าบริหารไม่ดี มันอาจจะเลยเถิดไป เล่าให้ฟังแบบนี้ครับ

ประชากรในประเทศญี่ปุ่น ให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานมาก เรียกได้ว่า เป๊ะมากครับ ทำงานกันอย่างหนักหน่วง จนเรียกได้ว่า เป็นประเทศที่เครียด เป็นอันดับต้นๆของโลก ข่าวล่าสุดคือ เขาเครียดจนอัตราการฆ่าตัวตายภายในประเทศ มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid เสียอีกครับ และ ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือ มีการฆ่าตัวตายในเด็กครับ

ผมได้ฟังเรื่องนี้ ก็ตกใจเลยทีเดียวครับ เพราะจำนวนมันมากเหลือเกิน เลยไปหาข้อมูลมาว่า จริงๆแล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ พบประเด็นคือ พอทำงานมากเกินไป ไม่บริหารเวลา หลายอย่างก็เลยแย่ลง โดยเฉพาะ ความสัมพันธ์ เมื่อพ่อแม่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้กับลูก ลูกเรียนเครียดอีก ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา ไม่มีใครให้ระบายก็ยิ่งเครียด

ผมได้เรียนรู้จาก เพื่อน และ รุ่นพี่ครับ เขาใช้เทคนิคที่ดีมากอันหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าเราทุกคนลองใช้กันมากครับ 

พี่ท่านนี้บอกว่า ตอนที่เราไปทำงาน หรือ กำลังทำงานอยู่ ถามตัวเองว่านี่เรากำลังทำงานอยู่ 100% หรือไม่ พี่เค้าเล่าว่าสมัยก่อนที่จะรู้จักการบริหารเวลา เวลาทำงานมักจะถูกรบกวนอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวคนนี้เรียก คนนั้นโทรมา มีข้อความเข้า เครียดก็ไปรูด Social Media ดู เสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้มากจนทำงานไม่เสร็จสักที

กลายเป็นโดนรบกวนสัก 60% - 70% ทำงานจริงๆ 30% ครับ เลยต้องหาทางแก้ไข

ทีนี้เลยเปลี่ยนครับ ใช้วิธี Focus และ ลดสิ่งรบกวน ด้วยวิธี แขวนป้าย ห้ามรบกวน และ เอามือถือใส่ลิ้นชัก พบว่า มีเวลาทำงานเพิ่มอีก มากกว่า 50% ครับ กลายเป็นว่า ตอนหลังใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าอย่างน้อย 80% เลยทีเดียว ส่วนข้อความที่ติดต่อเข้ามา เขาจะวางแผนในการตอบคำถาม สามครั้งต่อวันเท่านั้นครับ นั่นคือ เช้ากลางวันเย็น นั่นเอง แล้วถ้าอันไหน คุยด้วยข้อความไม่สะดวก ต้องโทรคุย ก็จะโทรคุยให้จบในช่วงเวลานั้น

มันจะต่อเนื่องกับเทคนิคแรกครับ พอเราทำงานได้เต็มที่ เวลาที่เราเลิกงาน เราก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ลาก่อนจากการเป็นโรค Workaholic ที่ต้องทำงานตลอดเวลา ผมถามพี่ท่านนี้ว่า เวลากลับบ้านเอางานไปทำหรือเปล่า

พี่ท่านนี้ตอบว่า เอาไปทำไม่ได้หรอกครับ เพราะทิ้งเครื่องไว้ที่ Office เลย หรือ ถ้าเอาเครื่องกลับมา ก็ทิ้งไว้ที่ๆ มองไม่เห็นไปเลย สรุปก็คือ "ไม่ทำ" ทีนี้ผมถามต่อว่า แล้วข้อความบนมือถือ ตอบไหม พี่เขาตอบว่า ถ้าดูแล้วไม่เร่งด่วน ไว้ตอบพรุ่งนี้เช้าครับ ถ้าเร่งด่วน น่าจะเป็นการโทรมากกว่า

ตรงนี้ถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ อาจจะยากหน่อยครับเพราะ เราไม่รู้ว่าลูกค้าจะทักมาเมื่อไร แล้าเราจะทำอย่างไรดี อันนี้ส่วนตัวผมเอง ใช้วิธี LIMIT ครับ เราก็ปิดร้าน 4 ทุ่มแล้วกัน ถ้าทักมาหลังจากนั้น ตอบตอนเช้าตรู่แทน ผมเชื่อว่า ลูกค้าเข้าใจได้ครับ

แล้วหลังจากเลิกงาน เราก็มีเวลาพักผ่อน ทั้งกับตัวเอง และ กับครอบครัว หรือ คนที่เรารักครับ

มีหลายงานเหลือเกิน แล้วเราจะทำงานไหนก่อนดี หรือ การจัดลำดับความสำคัญนั่นเอง เทคนิคนี้เราจะมาดูก่อนว่า งานไหนไม่ทำ เราไม่รอดแน่ๆ เช่นถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีข้าวกินแล้ว แบบนี้ให้หยิบงานนั้นมาทำก่อนเลยครับ แต่เราต้องพิจารณาอย่างจริงๆจังครับว่า ไม่รอดแน่ๆ จริงๆหรือเปล่า แล้วพอเคลียร์งานเหล่านี้เสร็จ ค่อยมาทำงานที่สำคัญ และ เป็นเป้าหมายระยะยาว เช่นการสร้าง Product ของเราเอง หรือ การพัฒนาตัวเองต่อ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญลำดับที่ 2 ของชีวิตครับ

ส่วนงานเบ็ดเตล็ดต่างๆ เช่นทำเอกสาร ออกใบเสร็จ รวบรวมไว้ทำทีเดียว ตอนใกล้ๆ สิ้นวันทีเดียว จะได้ไม่เปลืองแรงครับ

อีกงานหนึ่งที่ หลายคนมักจะติดหล่มครับ ก็คือ งานในเรื่องของการหาข้อมูล หรือที่เราเรียกว่า  Research นั่นเอง คนเรามักจะชอบหาข้อมูลเยอะๆ ครับว่าสิ่งที่คิดจะทำอย่างไร แล้วที่แปลกก็คือ หาแล้วหาอีกครับ วิธีแก้อาการนี้คือ Research แล้ว ต้องจดบันทึกครับว่า สิ่งที่ได้ผลลัพท์ออกมาทำอย่างไร เราจะได้ไม่ต้องอยู่ในวังวนของการค้นหาข้อมูล แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆครับ

เทคนิค 3 ข้อคือ 

ถ้าเราได้นำ เคล็ดลับ ทั้งสามข้อนี้ไปใช้ รับรองว่า ได้งานมากขึ้น ได้ชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอนครับ อ้อแล้วที่สำคัญ อย่าลืม ฝึกทำเว็บไซต์ด้วยครับ